รีวิว Vitalift-A By Skindex

January 1,2021

🙏 สวัสดีครับบบบ ว่างกลับมารีวิวซะทีหลังจากที่หายหน้าหายตากันไปนาน
          วันนี้ครูจะมารีวิวผลิตภัณฑ์ที่ครูจัดให้อยู่ในกลุ่ม Treatment หรือผลิตภัณฑ์สำหรับแก้ปัญหาผิวเฉพาะทาง
          ซึ่งวันนี้ผู้เข้าประกวดได้แก่ Vitalift-A Series Dr.Different Thailand ส่งเข้าประกวดดด
          กระซิบนิดนึงว่าก่อนจะมาประกวดที่นี่ตัวน้องมีผลงานปังๆ มาก่อนนะ
          คือมีงานวิจัยได้รับการทดสอบ และตีพิมพ์ ลงวารสารการแพทย์ที่ชื่อ Cosmetic Dermatology ด้วยนะ
          ป๊าดโธ๊ะ! อะไรจะขนาดนั้น จะเด็ดดวงยังไงบ้าง ไปดูกันเล๊ย
🔥 อ่านให้จบก่อนค่อยมาซื้อนะ อย่าให้รู้! 🔥
      สามารถสั่งซื้อสินค้าหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
Inbox Facebook เพจ Dr.Different Thailand
Shopee : Dr.Different Thailand link : https://shopee.co.th/dr.differentthailan
      อันนี้เป็นลิงค์รายงานการวิจัยของน้องนะ เผื่อใครสนใจจะไปลองอ่านดูเพิ่มเติม shorturl.asia/Etusg

#DrDifferentTH
#Vitalift
#VitaliftA
#VitaA
#Retinal
#Retinaldehyde
#ชะลอวัย
#ลดริ้วรอย
#ผิวเด็ก
#Skindex
#สกินเด็ก

อันดับแรกก่อนที่จะไปรีวิวส่วนผสม ทุกคนควรรู้จักคำว่า Retinoids ก่อน

          คำว่า Retinoids เนี่ยเป็นชื่อกลุ่มนะไม่ใช่ชื่อสารตัวใดตัวหนึ่ง ในกลุ่ม Retinoids เนี่ย มันจะมีที่เราเจอบ่อยๆ อยู่ 4 คำ อันได้แก่

Retinyl Ester

 ↓

Retinol

 ↓

Retinaldehyde (Retinal)

Retinoic Acid (Tretinoin)

* สัญลักษณ์ ↓ แทนการแปลงร่าง 1 ครั้ง

          ซึ่งสารกลุ่มเนี้ยฤทธิ์มันเยอะมากจริงๆ และมีงานวิจัยรองรับเรื่องผลลัพธ์ค่อนข้างเยอะว่า ลดเม็ดสีได้ ลดสิวได้ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอยได้ ช่วยผลัดเซลล์ผิวก็ได้ คือสรรพคุณเยอะไปหมด

          แต่ใช่ว่าทุกตัวจะเก่งเหมือนกันหมดนะ มีแค่ Retinoic Acid ตัวเดียวแหละที่ทาปุ๊บละออกฤทธิ์ได้เลย แต่มันเป็นยาไง มันใส่ในสกินแคร์ไม่ได้ เราเลยต้องไปใช้ฟอร์มอื่นที่เหลือเอา ซึ่งทุกตัวสามารถแปลงร่างเป็น Retinoic Acid ได้ หลังจากทาลงไปบนผิว Retinyl Ester กลายเป็น Retinol จากนั้น Retinol กลายเป็น Retinaldehyde แล้วก็กลายเป็น Retinoic Acid ในที่สุด

          แต่ยิ่งแปลงร่างหลายรอบประสิทธิภาพก็จะยิ่งน้อยลงตาม แต่ก็มีการระคายเคืองที่ต่ำลงด้วยเช่นกัน ใครอ่านครูบ่นละงงก็ดูภาพเอานะ -*-

พอเรารู้จักคำว่า Retinoids แล้ว ทีนี้เรามาดูส่วนผสมของเจ้าสามตัวนี้กันพอหอมปากหอมคอกันดีกว่า จริงๆ ส่วนผสมเหมือนกันเป๊ะๆ ต่างแค่ความเข้มข้นของสารที่เป็นตัวเมนเท่านั้น ซึ่งเจ้านั่นก็ครือออ

🧪 𝐑𝐞𝐭𝐢𝐧𝐚𝐥𝐝𝐞𝐡𝐞𝐡𝐲𝐝𝐞(𝐑𝐞𝐭𝐢𝐧𝐚𝐥)
          ในแก๊งค์ Vitalift-A เนี่ย ทุกตัวใช้ Retinaldehyde หรือต่อไปนี้จะใช้คำว่า Retinal ละนะ ขี้เกียจพิมพ์ยาว นิ้วล็อคละอะ เออ… ลืมไปมันก็อปวางได้… ช่างเถอะๆ ซึ่งเจ้า Retinal เนี่ยมันแปลงร่างครั้งเดียวกลายเป็น Retinoic Acid เลยไง หรือก็คือมันเป็นฟอร์มที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดแล้วที่ใส่ในสกินแคร์ได้ แต่มันก็ใช่ว่าจะดีไปหมด เพราะไอ้เจ้า Retinal เนี่ยมันไม่ค่อยจะเสถียรเท่าไหร่ แค่ลมเพียงแผ่วเบาก็ทำให้เหน็บหนาว ดังนั้นจึงเป็นอีกสารปราบเซียน สำหรับนักพัฒนาสูตรเหมือนกัน แต่ไม่ใช่กับ Dr. Different เพราะทางแบรนด์มีการทดสอบแล้วว่า ถึงแม้จะผ่านไปสามเดือนก็ยังคงมีปริมาณ Retinal เหลือมากกว่า 95% ทำให้พวกเรามั่นใจได้ระดับนึงเลยว่าจะสามารถหวังผลกับแก๊งค์ Vitalift-A ได้ แต่ก็อย่างที่บอกในหน้าที่แล้ว ยิ่งประสิทธิภาพสูงก็ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงระคายเคืองสูง ซึ่งทาง Dr. Different ก็ไม่นิ่งนอนใจ ออกนโยบายใช้เทคโนโลยี Niosome ที่จะนำพาเจ้า Retinal ลงผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยลดการระคายเคืองอีกด้วย โห! แค่ส่วนผสมตัวแรกก็ขนาดนี้แล้ว หมายถึงพิมพ์เยอะขนาดนี้แล้วอะ เริ่มเมื่อย อะหยอกเย่นๆ คือจะบอกว่าส่วนผสมตัวแรกก็จัดเต็มขนาดนี้แล้ว โดยที่แต่ละตัวมีความเข้มข้นของ Retinal ดังนี้

     – Dr. Different Vitalift-A (0.05% Retinal) ตัวนี้เหมาะจะใช้เป็นตัวเริ่มต้น

     – Dr. Different Vitalift-A Forte (0.1% Retinal) หน้าเริ่มทนมาใช้ตัวนี้

     – Dr. Different Vitalift-A Ph. D. (0.12% Retinal) หน้าด้านมาก ไป รพ.ขอซื้อตัวนี้เลยจุกๆ

🧪 𝐏𝐨𝐥𝐲𝐠𝐥𝐮𝐭𝐚𝐦𝐢𝐜 𝐀𝐜𝐢𝐝 / 𝐆𝐥𝐲𝐜𝐞𝐫𝐢𝐧 / 𝐒𝐨𝐝𝐢𝐮𝐦 𝐇𝐲𝐚𝐫𝐮𝐥𝐨𝐧𝐚𝐭𝐞
          Dr. Different คงคิดว่า “ หึ บ่นใช้ Retinal แล้วหน้าแห้งกันนักใช่มั๊ย เด่วตุจะเอาให้หน้าเปียกเลยคอยดู! ” ก็พี่แกเล่นใส่ Sodium Hyaluronate ซึ่งเป็น Humectant หรือแม่เหล็กที่คอยดึงน้ำเข้าผิว นอกจากนั้นยังมี Glycerin เป็นสารให้ความชุ่มชื่นที่ดีมากๆ อีกตัวหนึ่งเช่นกัน ยัง ยังไม่พอ ยังมี Polyglutamic Acid ซึ่งเจ้านี่ ดึงน้ำเก่งกว่า Hyaluronic Acid ราวๆ 5 เท่าเลยทีเดียว หน้าแฉะกันไปข้างเลยทีนี้ (คิดอะไรของเธอ!)

🧪 𝐂𝐞𝐫𝐚𝐦𝐢𝐝𝐞 / 𝐅𝐚𝐭𝐭𝐲 𝐀𝐜𝐢𝐝𝐬 / 𝐂𝐡𝐨𝐥𝐞𝐬𝐭𝐞𝐫𝐨𝐥
          นอกจากจะคำนึงถึงความแห้งแล้งแล้ว หมอต่าง (เริ่มขี้เกียจเปลี่ยนภาษา) ของเรา ยังคำนึงถึงว่าปราการผิวเราอาจถูกทำลายได้ เลยใส่ส่วนผสมที่เสริมชั้นผิวมาให้อีกด้วย

🧪 𝐒𝐚𝐟𝐟𝐥𝐨𝐰𝐞𝐫 𝐒𝐞𝐞𝐝 𝐎𝐢𝐥
          หรือน้ำมันดอกคำฝอย เจ้านี่เป็นน้ำมันที่มีสัดส่วนของ Linoleic Acid สูงปรี๊ดดดด ซึ่งก็จะช่วยปรับสมดุลน้ำมันบนใบหน้า ลดความข้นหนืดของไขมันในรุขุมขน ช่วยนำพาสารเข้าผิวได้ด้วย

🧪 𝐀𝐝𝐞𝐧𝐨𝐬𝐢𝐧𝐞
          สารอีกตัวที่มีประโยชน์กับผิวหลายอย่าง ช่วยกระตุ้นการส่งสัญญาณของเซลล์ผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว

     ✅  ไม่มีแอลกอฮอล์
     ✅  ไม่มีน้ำหอม
     ✅  ไม่มีน้ำมันหอมระเหย

⚠️ ⚠️ คำเตือน ⚠️ ⚠️

๐ เริ่มใช้จากความเข้มข้นต่ำสุดก่อน ถ้าไม่มีปัญหาการแห้ง หรือระคายเคือง ค่อยเพิ่มความเข้นข้นหากต้องการ
๐ ในช่วงแรกอาจจะยังไม่ต้องใช้ถี่มาก เริ่มจากกอาทิตย์ละ 3-4 วัน ค่อยเพิ่มมาเป็นวันเว้นวัน แล้วค่อยเพิ่มมาเป็นใช้ทุกวัน ถ้าหน้าเริ่มทนได้แล้ว
๐ ใช้ปริมาณเท่าเม็ดถั่วเขียวหรือถั่วเหลือง แตะหลายๆ จุดทั่วใบหน้า จากนั้นค่อยลูบๆ เกลี่ยๆ
๐ มีบุตร ให้นมบุตร หรือวางแผนจะมีน้อง ห้ามใช้โดยเด็ดขาดเลยนะ อันตรายกับน้องมาก
๐ ใช้แค่กลางคืนเท่านั้นนะครับ
๐ ในระหว่างที่ใช้ ในตอนกลางวันให้ทาครีมกันแดด และหลีกเลี่ยงแสงแดดให้ได้มากที่สุด