วันนี้น้องหมาเอางานวิจัยนึงมาให้ดูกันฮะ
Zane T. et al. Retinoid stability and degradation kinetics in commercial cosmetic products. J Cos Dermatol 2020
งานวิจัยนี้เอาสกินแคร์ที่ใช้ Retinoid/Vit A แบรนด์ต่างๆ เช่น Afrodita, Eveline, Eucerin, Green Line, L’oreal, Lekarna Ljubljana, Paula’s Choice,Ombia , Ordinary, Revolution มาเปิดทุกวัน (เหมือนเปิดทาทุกวัน) เป็นเวลา 6 เดือน ที่อุณหภูมิห้อง 25C และที่ความร้อนสูง 40C โดยกำหนดความชื้นไว้ด้วยฮะ และทุกโพรดักก็ใส่สาร Antioxidant/Chelating agent มาทั้งนั้น
ที่ 6 เดือน 25C ทุกตัวสารหายไปตั้งแต่ 0-80% (แปลมีบางตัวไม่ลดเลย บางตัวเหลือแค่ 20%)
ที่6เดือน 40C ทุกตัวสานหายไปตั้งแต่ 40-100% (ก็คือทุกตัวมีสารหายอย่างน้อย 40% บางตัวไปเกลี้ยงเลย)
โดยตัวที่ลดน้อยที่สุดจนถึงไม่ลดเลยคือตัวที่ใช้ HPR (Hydroxypinacolone Retinoate) นอกนั้นไม่ต่างกัน
ทำให้เห็นได้ว่ากลุ่ม Retinoid ที่มีอยู่ในตลาดมีตัวไม่เสถียรเยอะมาก บางตัวผ่านไป 10 วันความเข้มข้นสารเหลือ 90% ละ ยังไม่ค่อนหลอดเลย
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมน้องหมาว้าวเจ้าตัววิตเอของหมอต่าง เพราะเจ้าของแบรนด์นางมั่นหน้ามาก ทำ HPLC-UV วัดมาโชว์เลยว่า 6 เดือนสารชั้นไม่ลดนะเห้ย ชั้นทำสูตรมาเสถียรเรียกว่าเก๋าเกมก็ได้ฮะ ดีใจที่เป็นแบรนด์เกาหลี ถ้านางเป็นแบรนด์ EU คงราคาแรงกว่านี้มากๆเลย
ห้ามถามน้องหมานะว่าตัวไหนไม่เสถียรบ้าง ในงานวิจัยเขาไม่บอกหรอกไม่งั้นโดนฟ้องร้องตายเลย แถมน้องหมาก็ตามวัด HPLC สกินแคร์ทุกตัวให้ลูกเพจไม่ได้ขนาดนั้นฮะ เกินตัวน้องหมาไปหน่อย 😅 เวลาเทสเทสแค่ผลลัพธ์เท่านั้นเอง
ในเมื่อใส่แคปชั่นใต้ภาพไม่ติดน้องหมาพิมพ์ในนี้เลยแล้วกันฮะ
ภาพแรก แต่ละช่องย่อยแนวนอนคือหนึ่งผลิตภัณฑ์ แต่ละหนึ่งผลิตภัณฑ์จะมีสามแท่ง แท่งแรกคือปริมาณความเข้มข้นตอนเปิดครั้งแรก แท่องสองที่ที่หกเดือนอุณหภูมิห้อง แท่งสามอุณหภูมิสี่สิบ
ภาพที่สองและสาม เป็นตารางช่องซ้ายสุดเป็นรหัสผลิตภัณฑ์แต่ละตัว ช่องที่สองคือวันหมดอายุตามฉลากที่เคลม ช่องสุดท้ายคือ % ของสารที่เหลืออยู่ที่เวลา 6 เดือน
ภาพที่สี่ แกนนอนเป็นราคา ยิ่งไปทางขวาคือยิ่งแพง แกนตั้งคือความไวในการสลายของสาร ยิ่งอยู่บนยิ่งสลายไว จะเห็นได้ว่าแบรนด์แพงๆก็สลายไว แบรนด์ถูกๆบางแบรนด์ก็เก็บได้นาน
ภาพที่ห้าและหก ตัวเลขในช่องคือจำนวนวันที่สารในแต่ละผลิตภัณฑ์จะสลายจนเหลือ 90% จากทั้งหมด (หรือก็คือหายไป 10%)
